ปั๊มลมรุ่นแรกสุดของโลกถูกประดิษฐ์ขึ้นในปี 1762 โดยวิศวกรชาวอังกฤษที่ชื่อว่า John Smeaton ปั๊มลมรุ่นแรกนี้ใช้พลังไอน้ำในการขับเคลื่อนลูกสูบเพื่อผลิตอากาศใช้ในโรงตีเหล็ก ไม่กี่ทศวรรษต่อมาเราได้เห็นความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีปั๊มลมด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพ จนนำไปสู่การใช้ปั๊มลม หรือ เครื่องอัดลม อย่างแพร่หลายของในอุตสาหกรรมต่างๆ
ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1800 ปั๊มลมไฟฟ้าเครื่องแรกของโลกได้ถูกประดิษฐ์ขึ้น ทำให้ปั๊มลมสามารถเข้าถึง และ ใช้งานได้ง่ายขึ้นอย่างมาก ด้วยการกำเนิดของพลังงานไฟฟ้าทำให้ปั๊มลมมีขนาดที่เล็กลง ส่งผลให้เริ่มมีการนำปั๊มลมไปใช้กับโรงงาน หรือ อุตสาหกรรมขนาดเล็กtair dryer) เป็นเครื่องทำลมแห้งแบบใช้เม็ดสารดูดความชื้นสามารถทำ Pressure dew point ได้ตั้งแต่ -20 ถึง -70 องศาเซลเซียส ซึ่งคุณภาพลมที่ออกมา จัดเป็นลมที่มีความแห้งสูงเป็นพิเศษเหมาะกับอุตสาหกรรมเฉพาะกลุ่ม เช่น อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมยาอุตสาหกรรมพ่นสีรถยนต์ และเครื่องสำอาง เป็นต้น
ใน 20 ศตวรรษต่อมา ปั๊มลมยังคงมีวิวัฒนาการ และ พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการใช้วัสดุ หรือเรียกอีกอย่างนึงว่า อะไหล่ปั๊มลม และ การผลิตที่ก้าวหน้าทำให้ปั๊มลมในยุคนี้มีความทนทานสูง การถือกำเนิดของระบบคอมพิวเตอร์ในช่วงปลายศตวรรษนำมาซึ่งนวัตกรรมใหม่ๆในการออกแบบปั๊มลม เช่น VSD ( variable speed drives ) , ระบบประหยัดพลังงาน หรือ ระบบควบคุมอัจฉริยะ เป็นต้น
ในปัจจุบันปั๊มลมมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในแวดวงอุตสาหกรรม หรือ ปั๊มลมอุสาหกรรม ตั้งแต่การก่อสร้าง การผลิต ทางการแพทย์ และ เกษตรกรรม การที่ปั๊มลมถูกพัฒนามาให้มีหลากหลายขนาด ทำให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับทุกงาน ถือว่ามีการพัฒนามาไกลมาๆตั้งแต่ยุคแรกๆ และยังคงมีบทบาทสำคัญอย่างมากในปัจจุบัน
โดยสรุปแล้ว ประวัติศาสตร์ของปั๊มลมถือว่ามีความน่าสนใจ และ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เครื่องปั๊มลมมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาโลกสมัยใหม่ตั้งแต่ปั๊มลมพลังงานไอน้ำรุ่นแรกสุด จนถึง ปั๊มลมเดลต้าที่สามารถควบคุมได้ด้วยระบบเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตในปัจจุบัน และปั๊มลมเดลต้ายังอยู่ในทุกอุตสาหกรรมตั้งแต่การเติมลมยาง จนถึง ในไลน์ผลิตอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ปั๊มลมเดลต้าได้มีประวัติความเป็นมาเกือบ20ปี ได้ครองใจในทุกกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม