การเดินท่อในระบบอัดอากาศ ถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างนึง เพราะการที่ระบบอัดอากาศจะทำงานได้ดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับเครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมอย่างเดียว แต่ระบบท่อลมถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ระบบลมทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากหากเดินระบบท่อลมไม่ดีอาจทำให้เกิดปัญหาในระบบลมได้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาลมรั่ว ความดันลมตก (Pressure Drop) สิ่งปนเปื้อนต่าง ๆ เช่น น้ำมัน ความชื้น
การออกแบบท่อลมนั้นมีปัจจัยหลักที่ต้องควบคุมอยู่ 2 อย่าง คือ
- การเลือกขนาดของท่อลม ให้เหมาะสมกับการทำงานของเครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากเลือกท่อลมผิดขนาดอาจส่งผลตามมาหลายอย่างได้ เช่น ปัญหาความดันลมตก (Pressure Drop) ซึ่งส่งผลให้เครื่องอัดอากาศทำงานหนักเกินกว่าความจำเป็น หากลมตกมาก ๆ อาจส่งผลถึงขั้นลมไม่พอต่อการใช้และส่งผลเสียต่อเครื่องจักรในกระบวนการผลิตได้ และหากท่อลมมีขนาดเล็กเกินไป ความเร็วของลมในท่อจะเพิ่มขึ้นส่งผลต่อวาล์วและข้อต่อต่าง ๆ ในระบบลมได้
- การวางผังท่อลม นั้นเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมากพอ ๆ กับการเลือกขนาดของท่อลมเพราะจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการไหลของลม และลดปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ การออกแบบระบบท่อลมที่ต้องมีจุดแยกสำหรับนำไปใช้งานตามเครื่องจักรต่าง ๆ ต้องคำนึงถึงสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ การทำให้มีแรงดัน (Pressure) เท่ากันตลอดทั้งโรงงาน ในปัจจุบันการวางระบบท่อลมที่นิยมใช้กันมี 2 แบบหลัก ๆ คือ 1. การเดินท่อเดี่ยวหรือก้างปลา 2. การเดินท่อแบบวงแหวนหรือลูป
- การเดินท่อเดี่ยว หรือ แบบก้างปลา
เหมาะสำหรับโรงงานขนาดเล็กมีพื้นที่ไม่มากมีระยะระหว่างเครื่องอัดอากาศและเครื่องจักร หรืออุปกรณ์ที่ใช้ลมอยู่ใกล้ ๆ กัน การวางผังแบบนี้จะประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินท่อลมมากกว่า แต่ถ้าเป็นโรงงานขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่มีระยะระหว่างระบบอัดอากาศและเครื่องจักรมาก ๆ การเดินท่อแบบนี้จะมีผลเสียคือจะทำให้แรงดันลมในท่อตกในบางช่วงเวลา ซึ่งส่งผลให้เครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมทำงานหนักมากเกินความจำเป็น และส่งผลต่อเครื่องจักรต่าง ๆ ในกระบวนการผลิตของโรงงานได้
- การวางผังแบบวงแหวน (Ring) หรือแบบลูป (Loop)
เหมาะสำหรับระบบที่มีการใช้ลมปริมาณมาก ๆ มีเครื่องจักรจำนวนมาก เพราะการเดินท่อลมแบบนี้จะทำให้ความดันลมในระบบเท่ากันในทุก ๆ จุด จึงทำให้เครื่องอัดอากาศทำงานตามที่ใช้งานจริงไม่ต้องทำงานเผื่อความดันในปลายท่อ โดยปัจจุบันโรงงานส่วนใหญ่นิยมเดินท่อแบบวงแหวนเพิ่มมากขึ้น แม้ต้นทุนในการเดินท่อจะสูงแต่ในการใช้งานจริงการเดินท่อแบบนี้จะช่วยประหยัดพลังงานของเครื่องอัดอากาศได้มาก