การอบเหล็กโดยปกติ จะทำการอบที่ตั้งแต่อุณหภูมิ ตั้งแต่ 500 C ขึ้นไปหรือแล้วแต่กระบวนการและเนื้อเหล็ก รวมไปถึงความต้องการของชิ้นงานว่าต้องการรูปแบบไหน โดย Process ส่วนหนึ่งที่สำคัญเลยก็คือ โดยปกติแล้วในอากาศจะมีออกซิเจนอยู่ที่ประมาณ 21% เมื่อเราทำการอบเนื้อเหล็ก ที่อุณหภูมิสูงๆออกซิเจนในอากาศจะเข้าไปสะสมในเนื้อเหล็กทำให้เมื่ออบงานเสร็จเรียบร้อย จะเกิดคราบ Slag ติดที่ผิดเนื้อเหล็กและเอาไปพ่นทราบเพื่อขัดผิวนั้นทำได้ยากกว่าปกติเครื่องผลิตไนโตรเจนจึงสำคัญสำหรับกระบวนการนี้มาก ซึ่งหน้าที่หลักๆ ของไนโตรเจน จะทำหน้าที่ไล่ออกซิเจนออกจากเตาอบ
โดยปกติแล้วการที่ออกซิเจนเข้าไปในเตาจะทำได้หลายวิธี
- ใช้ไนโตรเจนหลอด ขนาด 6m3 จ่ายเข้าไปในเตาโดยทำการปรับ pressure ให้ลดลงเหลือปริมาณ 2-3 bar ไม่ให้ไนโตรเจนไหลเร็วจนเกินไปจะทำให้เกิด effect กับค่า อุณหภูมิในเตาได้
- ใช้ไนโตรเจนแบบเติมเป็น station ซึ่งรูปแบบนี้ทางโรงงานจะต้องใช้ไนโตรเจนที่ปริมาณมากอยู่แล้วถึงจะคุ้มค่า
- ใช้เครื่องผลิตไนโตรเจน หรือ Nitrogen generator ซึ่งจะมีต้นทุนที่ถูกกว่าทุกรูปแบบที่ได้กล่าวมาข้างต้น
หลักการของเครื่องผลิตไนโตรเจน คือ นำอากาศอัดที่มีปริมาณ ออกซิเจน 21% และ ไนโตรเจนที่ 79% โดยเฉลี่ยมากรองออกซิเจนออก จะทำให้เหลือค่าความ pure ต่างๆ ซึ่งประสิทธิภาพของเครื่องหรือหลักการทำงานจะสามารถทำงานแตกต่างกันไป โดยค่าความ pure ที่สามารถทำได้ ณ ปัจจุบันจะอยู่ที่ 99.999% ซึ่งเพียงต่อทุกอุตสาหกรรม
โดยอุตสาหกรรมอบเหล็ก จะใช้ค่า Purity ของไนโตรเจนอยู่ที่ปริมาณ 98% และ pressure ในการจ่ายเข้าเตาอยู่ที่ 2-3 bar ซึ่งเพียงพอต่อการทำงานของเครื่อง Nitrogen generator
ส่วนประกอบของ station nitrogen generator จะต้องประกอบไปด้วยอุปกรณ์ดังนี้
- Air compressor (pressure 8,10 bar ) และถ้าเป็นแบบ Inverter control จะคอยช่วยเลี้ยง pressure ให้นิ่งได้
- ถังลม จะต้องคำนวณตามขนาด air compressor
- Air dryer จะต้องคำนวณตามขนาด air compressor ที่ใช้งาน
- Filter จะต้องติดตั้งทั้งหมด 4 ตัว 3 ,1 ,0.01 ไมครอน และ activated carbon
- เครื่อง Nitrogen generator จะต้องเลือกใช้ค่า purity , flow rate และ pressure ให้เหมาะสมในแต่ละอุตสาหกรรม
- ถังเก็บ Nitrogen จะต้องคำนวณตามปริมาณของ Nitrogen ที่ผลิตได้และนำไปใช้งาน
จากอุปกรณ์ทั้ง 6 ข้อ ข้างต้นทางผู้ประกอบการสามารถเป็นเจ้าของ เครื่องผลิตไนโตรเจนที่สามารถผลิตได้เองในโรงงานกันได้แล้วนะครับ ซึ่งจะมีต้นทุนที่ถูกกว่าไนโตรเจนแบบหลอดถึง 70% ยิ่งใช้ไนโตรเจนในการผลิตมากเท่าไร จะยิ่งคืนทุนได้ไวเท่านั้นครับ เรื่องของต้นทุน จะมีแค่เรื่องของค่าไฟ และค่าบำรุงรักษาเครื่องจักรเท่านั้น